ประวัตินักแสดงดัง เจสัน โมมัวอา (Jason Momoa)

1 min read

เจสัน โมมัวอา  (Jason Momoa) เกิดวันที่ 1 สิงหาคม ค.ศ. 1979 ที่นิววีทิโอ่, นี้กิจส์, สหรัฐอเมริกา โดยเป็นลูกชายของพ่อที่เกิดในอาเฮาแวอี้และแม่ที่มาจากอินเดีย มีชื่อเสียงเป็นนักแสดงซีรีส์และหนังภาพยนตร์ที่ได้รับความนิยมอย่างมากในหลายบทบาท และโดยเฉพาะในบทของ “คอนัน” (Khal Drogo) ในซีรีส์แฟนตาซีที่ได้รับความนิยมอย่างมาก “เกมออฟโธรนส์” (Game of Thrones) และ “อะควาแมนอเคอร์” (Aquaman) ในภาพยนตร์ของ DC Extended Universe (DCEU) เคยใช้ชื่อของตัวเองเป็น “เจ๊สัน แอวะ โมมัวา” (Jason Ia Hoe Momoa) ก่อนที่จะลดชื่อให้เป็น “เจสัน โมมัวา” (Jason Momoa) เมื่อเข้าสู่วงการฮอลลีวู้ด

ประวัติการศึกษาและความเป็นอยู่: เจสัน โมมัวา โตขึ้นที่นิววีทิโอ่ และเริ่มการศึกษาที่โรงเรียนเพิร์ธ คีนนี่ แอ็คาเดมี (Punahou School) ในโออาฮู, ซึ่งเป็นโรงเรียนเตรียมทหารของฮาวาย. ในช่วงวัยเด็กๆ เขาเคยทำงานเสริมเป็นนักโบราณคดี, ทำก่อสร้าง, และแม่บ้านเสริมในพื้นที่ซึ่งเป็นภูมิภาคแม่บ้านของแม่เขา และยังเคยเป็นทหารในกองทัพสหรัฐด้วย.

การเป็นนักแสดง: เมื่ออายุ 19 ปี เจสัน โมมัวาได้เริ่มต้นศึกษาและทำงานทางการแสดง ในช่วงแรกของการเริ่มต้นในวงการฮอลลีวู้ด เขาได้รับบทบาทในซีรีส์ทางโทรทัศน์ชื่อดังอย่าง “เบย์วัทช์ ดีฮาวาย โฮโนลูลู” (Baywatch Hawaii) และ “สตรองแฮริโอ่ 5000” (Stargate Atlantis) โดยใน “สตรองแฮริโอ่ 5000” เขาแสดงบทนำในฐานะ “รอนอน ดีโก้” (Ronon Dex) ซึ่งเป็นบทบาทที่เปิดโอกาสให้เขาเป็นที่รู้จักและมีความนิยมกับผู้ชมในช่วงเวลานั้น

ความสำเร็จและความนิยม: บทบาทที่ทำให้เจสัน โมมัวาเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางคือ “คอนัน” ในซีรีส์ “เกมออฟโธรนส์” ซึ่งเป็นบทบาทของหัวหน้ากรมอำมาตย์ในค่ายของ “ไฮเลอร์โก” (Dothraki) ในช่วงฤดูกาลแรก บทบาทนี้ได้รับความนิยมอย่างมากจากผู้ชมและคริติกส์ แม้ว่าบทบาทของเขาจะไม่ยากหรือยากมากนัก แต่การแสดงท่าทางและเสน่ห์ของเขาได้ช่วยเปลี่ยนแปลงตัวละครให้กลายเป็นตัวละครที่ท้าทายและน่าสนใจอย่างสิ้นเชิง

นอกจากนี้ยังมีบทบาท “อาร์ทูร่า คอนัน” (Aquaman) ในภาพยนตร์ของ DC Extended Universe (DCEU) ที่ชื่อเรื่องว่า “อะควาแมนอเคอร์” (Aquaman) ที่เป็นหนึ่งในหนังที่สร้างรายได้สูงสุดของเค้าโดยเขาได้รับความชื่นชมและยอดนิยมอย่างแพร่หลายจากแฟนๆ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในหนังทำให้เขาเป็นตัวแทนของเจ้าสัญญาอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม อีกทั้งยังได้ก่อให้เกิดทวีตนำ้มดเกี่ยวกับความสวยงามของชายคนนี้

เจสัน โมมัวา เป็นนักแสดงที่มีผู้ชื่นชอบอย่างมากเนื่องจากความหล่อของเขา ความเก่งกับทักษะการแสดง รวมถึงเสน่ห์ที่ไม่ธรรมดาของเขาทำให้เขากลายเป็นสัญลักษณ์ที่ได้รับความนิยมในวงการฮอลลีวู้ด และยังเป็นที่รู้จักในการเป็นนักแสดงดังของภาพยนตร์และโทรทัศน์ที่ได้รับความนิยมในหลายๆ ภูมิภาคทั่วโลก

ในการแสดง, บทบาทหนัง “โคนัน เดอะ บาร์เบอรีเอียน” (Conan the Barbarian) เปิดโอกาสให้เขาได้รับบทบาทในหนังที่มีชื่อเสียงมากขึ้น และทำให้เขาเป็นนักแสดงที่ทำงานอย่างคับคั่ง ในปี 1999 เขาได้รับบทบาทหลักในซีรีส์ “เบย์วัทช์ ฮาวาย” (Baywatch Hawaii) และเป็นตัวแสดงในทุกตอนทั้งหมด 38 ตอน ซึ่งเป็นบทบาทแรกของเขาในหน้าจอ ซีรีส์จบลงในปี 2001

ในปี 2003 เขากลับมาเล่นบท “เจสัน อีโอเอน” (Jason Ioane) ในภาพยนตร์โทรทัศน์ “เบย์วัทช์: ไฮเวี่ยนเวดดิ้ง” (Baywatch: Hawaiian Wedding) ในปีเดียวกัน เขายังเล่นบท “คาลา” (Kala) ในภาพยนตร์โทรทัศน์อีกเรื่องที่ชื่อว่า “ทำนาย” (Tempted)

ในปี 2004 เขาเปิดตัวในภาพยนตร์ของคริสโตเฟอร์ เออร์สกิน (Christopher Erskin) ชื่อว่า “Johnson Family Vacation” ในปีเดียวกัน เขาได้บทบาทของ “แฟรงกี้ โซว์” (Frankie Seau) ในซีรีส์ “นอร์ท ชอร์” (North Shore) และได้เป็นตัวแสดงในทุกตอนทั้งหมด 21 ตอน

ความนิยมของเขาได้รับการเสริมสร้างขึ้นเมื่อเขาได้บทบาทของรอนอน เด็กซ์ (Ronon Dex) ในซีรีส์ทีวีแนวนิยายวิทยาศาสตร์ทางทหาร “สตาร์เกท: แอตแลนติส” (Stargate: Atlantis) ในปี 2005 ซึ่งในบทบาทนี้เขาต้องเรียนศิลปะการต่อสู้ ซีรีส์นี้เกิดขึ้นจากภาพยนตร์ที่มีชื่อว่า “สตาร์เกท” ประเทศสหรัฐอเมริกาได้ออกฉายทางช่อง Sci-Fi ในสหรัฐฯ ทั้งห้าซีซั่นของซีรีส์ “สตาร์เกท: แอตแลนติส” ออกฉายในปี 2009

ตัวละครของเขา “รอนอน เด็กซ์” สวมใส่จอมเสน่ห์แบบเชื่อมต่อที่หนักหน่วง โดยเนื่องจากว่าจอมเสน่ห์ทำให้เขามีอาการปวดหัวและปวดคอ เขาได้ขออนุญาตจากผู้ผลิตให้ตัดจอมเสน่ห์ก่อนเริ่มซีซั่นห้า

ผู้ผลิตตัดสินใจให้ตัวละครคงอยู่กับจอมเสน่ห์และเย็บกับผมของเขาในตอนแรกสามตอน แต่เมื่อเป็นงานที่ใช้เวลาถึงเก้าชั่วโมงและทำให้โมมัวาปวดระหว่างการแสดง พวกเขาจึงตัดคอตัวละครออก เริ่มต้นเสริมผมปลอมกับจอมเสน่ห์และในที่สุดได้ทำความสะอาดให้กับเส้นผมปลอมที่เป็นของเขาเอง

หลังจากที่ซีรีส์ “สตาร์เกท: แอตแลนติส” สิ้นสุดลง เขาได้เล่นบท “โรแมน” (Roman) ในสี่ตอนของซีรีส์คอมเมดี้ดราม่า “เดอะเกม” (The Game) ในปี 2009

บทบาทที่เปิดโอกาสใหม่ถัดไปของเขาคือ “คาล โดรโก” (Khal Drogo) ในซีรีส์ทีวี “เกมออฟโทรนส์” (Game of Thrones) ในปี 2011 ที่สิทธิ์มีของ HBO ในซีรีส์นี้เขาเล่นบทบาทของหัวหน้าอาชาไรคาชี (Dothraki) ที่อยู่ในหมู่เผ่า “โดธรากี” (Dothraki) ซึ่งเนื่องจากซีรีส์นี้ได้เป็นที่นิยมทันที เมื่อโมมัวาแสดงบทความและความโหดเหี้ยมของตัวละครเผ่านี้ เขาได้รับรางวัล CinemaCon Award ในประเภท Male Rising Star และได้รับเสนอชื่อในการรับรางวัล Scream Award ในประเภท Best Ensemble และ Screen Actors Guild Award ในประเภท Outstanding Performance by an Ensemble in a Drama Series

Jason Momoa Wrote His Own Aquaman 2 Treatment With Climate Change as the Villain - IGN

ในปี 2014 เขาก่อนการเขียนบทและเป็นตัวแสดงหลักในภาพยนตร์สยองขวัญ “โร้ด ทู พาโลมา” (Road to Paloma) ภาพยนตร์นี้ก่อนฉายแรกที่งานฟิล์มเทศกาลซาราโซต้าประจำปี 2014 นอกจากนี้ยังมีการเปิดตัวของ Sarah Shahi, Lisa Bonet, Michael Raymond-James และ Wes Studi

ตั้งแต่ปี 2014 ถึง 2016 เขาได้ทำงานในโทรทัศน์ต่อเนื่อง ได้รับบทบาทหลักในซีรีส์ดราม่าของสันดานซ์ ชาแนล “เดอะเรดโร้ด” (The Red Road) ตามด้วยซีรีส์คอมเมดี้ดราม่า “ดรังก์ ฮิสโทรี” (Drunk History) ในบทบาทของนักโจมตี “จีน ลาฟิท” (Jean Lafitte) และนักกีฬา “จิม ธอร์ป” (Jim Thorpe)

เขาเล่นบทบาทนักซูเปอร์ฮีโร่อะควาแมนในภาพยนตร์ “แบทแมน ปะทะ ซูเปอร์แมน: ดอน ออฟ จัสติซ” (Batman v Superman: Dawn of Justice) ในปี 2016 ในปีเดียวกันเขาเล่นบทบาท “ไมแอมี แมน” (Miami Man) ซึ่งเป็นคนกินเนื้อคน ในภาพยนตร์สยองขวัญ “เดอะแบดแบทช์” (The Bad Batch) ซึ่งเขียนและกำกับโดย อานา ลิลี อะมิร์ปูร์ (Ana Lily Amirpour) เขายังแสดงบท “โจ ไบร์ท” (Joe Bright) ในภาพยนตร์สยองขวัญอีกเรื่องหนึ่งที่ชื่อว่า “ซูการ์ ไมเทน” (Sugar Mountain) ซึ่งกำกับโดยริชาร์ด เกรย์ (Richard Gray) และเขียนโดยเอบ โปโกส์ (Abe Pogos)

ในปี 2016 เขาเคยมีบทบาทในตอนที่ 12 ของซีรีส์ทีวี “ฟรอนเทียร์” (Frontier) ซึ่งเขาเป็นผู้ผลิตบนรายการเรื่องนี้ การแสดงของเขาในบท “เดคแลน ฮาร์พ” (Declan Harp) ได้รับการยอมรับจากคณะกรรมการวัดและได้เสนอชื่อในการรับรางวัล Canadian Screen Award ในประเภท Best Performance by an Actor in a Leading Dramatic Role

ในปี 2017 เขาเป็นตัวแสดงในภาพยนตร์สองเรื่อง คือ “เวลล์คัมทูเธอร์ไทม์ อิน เวนิซ” (Once Upon a Time in Venice) และ “เจสติซ ลีก” (Justice League) ในซีรีส์ “อะควาแมน” เขาเล่นบทบาทเดิมอีกครั้ง ในปี 2018 เขาเป็นตัวแสดงในภาพยนตร์ของ ลิน โอดิ้ง (Lin Oeding) ที่ชื่อว่า “เบรเวน”

ผลงานที่สำคัญ
เจสัน โมมัวา มีบทบาทเป็นตัวละครนักซูเปอร์ฮีโร่คือ โรนอน เด็กซ์ (Ronon Dex) ในซีรีส์ “สตาร์เกท แอตแลนติส” ผลงานนี้ถูกสร้างขึ้นโดยแบรด ไรท์ (Brad Wright) และโรเบิร์ต ซี. คูเปอร์ (Robert C. Cooper) ซึ่งซีรีส์นี้กลายเป็นที่นิยมทันที และตัวละครของเขากลายเป็นที่รู้จักด้วยการแสดงที่ยอดเยี่ยมและจอมเสน่ห์สัญลักษณ์ของเขา ซี

รีส์ได้รับความนิยมมากที่สุดในยุโรปและออสเตรเลีย และได้รับรางวัลและการเสนอชื่อในการรับรางวัลต่าง ๆ ในช่วงเวลาห้าซีซั่นที่ออกฉาย

การแสดงที่แข็งแกร่งของเจสัน โมมัวาในซีรีส์ดราม่าแฟนตาซี “เกมออฟโทรนส์” ได้รับการยอมรับจากนักวิจารณ์ในระดับสูง บทบาทของเขา “คาล โดรโก” (Khal Drogo) กลายเป็นที่นิยมทันที และเขาได้เสนอข้อเสนอในการแสดงให้กับบทบาทนี้ให้มีสิ่งที่น่าสนใจมากขึ้น ซีรีส์นี้มีนักแสดงอีกหลายคนที่ได้รับการยอมรับ เช่น ปีเตอร์ ดินคเลจ, เมซี วิลเลียมส์, กิต ฮาริงตัน, เอมิเลีย คลาร์ก และโซฟี ทันเนอร์ ซึ่งได้รับความนิยมในทวีปยุโรปและออสเตรเลียอย่างกว้างขวาง ซีรีส์ได้รับรางวัลและเสนอชื่อในการรับรางวัลต่าง ๆ ในประเทศสหรัฐอเมริกาและต่างประเทศ

ชีวิตส่วนตัว
เจสัน โมมัวาเริ่มคบกับนักแสดงลิซา โบเนท (Lisa Bonet) ตั้งแต่ปี 2005 ในวันที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2550 ลูกสาวของพวกเขาชื่อ “โลลา โอลานี” (Lola Iolani Momoa) เกิดขึ้น ณ วันที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2550 ลูกชายของพวกเขาชื่อ “นาโกว่า-วูลฟ มานาเกฮา นามาเกฮา โมมัวา” (Nakoa-Wolf Manakauapo Namakaeha Momoa) เกิดขึ้น ณ วันที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2551 คู่รักที่เป็นคู่หมั้นตั้งแต่ปี 2017 และได้ทำพิธีแต่งงานกฎหมายในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2560 เมื่อเกิดเหตุการณ์หยุดยั้งเมื่อเดือนมกราคม พ.ศ. 2565 ในปีเดียวกันเขาเริ่มคบกับ อิซา กอนซาเลส (Eiza González) ในเดือนมกราคม พ.ศ. 2565 และประกาศถึงความแยกกันของคู่ครองในเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2565

ในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2560 เจสัน โมมัวาเปิดเผยถึงการเสียรอยแผลบนใบหน้าของเขาซึ่งยังคงปรากฏในผลงานงานที่เขาเข้าร่วมภายหลังจากเขาได้รับบาดเจ็บจากการชกในร้านกาแฟเบิร์ด (Bird Café) ในฮอลลีวู้ด ในวันที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551 โดยมีคนผู้ชายหนึ่งตัดใบหน้าของเขาด้วยแก้วเบียร์ที่หักขาด ทำให้เจสัน โมมัวาได้รับบาดเจ็บอย่างรุนแรงและต้องเย็บแผลกันเอง รวมทั้งรับการฉีดเข้าเส้นใบหน้าทั้งหมด 140 เส้นเลือด

You May Also Like

More From Author

+ There are no comments

Add yours